General Discussion > Siam Subaru Society Forum
สงสัยเรื่องเบรกแบบเชนเกียร์ช่วยครับ
J:DiM:
ตอบยากจริงๆ กระทู้นี้... จากที่นั่งรถตอนแทรกเดย์บ่อยๆ....เห็นมาครบทุกอย่างเลยครับ... ไล่เกียร์ข้ามเกียร์จนถึงไม่ใช้ engine brake เลย..
แต่จาก speed secret นี่เค้าว่า.... เครื่องเอาไว้เร่ง เบรกเอาไว้เบรกครับ...(แต่หลายคนขับแบบใช้ engine brake ก็เร็วชิบ...แล้วแต่เทคนิกจริงๆ)
ลองหาอ่านเพิ่มในกระทู้ของจาร์ยดูครับ....ท่านจะขับรถสนุกขึ้นอีกมาก
Ricer:
ขอบคุณพี่ประธานต่อ พี่ หมอ(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) และทุกท่านด้วยครับ หลายตำหรับตำรา สงสัยจะต้องลองให้หมด ส่วน "speed secret นี่เค้าว่า.... เครื่องเอาไว้เร่ง เบรกเอาไว้เบรกครับ" ผมก็ได้ยินมาเหมือนกันนะครับ ช่วงหลังๆผมสังเกตุว่าเบรกมันหมดช้ามากกกกกกกกก ซึ่งตอนแรกๆก็คิดว่าดีแฮะ แต่เอเราก็ขับไม่ได้อืดมากนี่หว่า ...อ้อ รู้แระส่วนมากตูใช้ engine brake นี่เอง emo35o ... แต่ ยิ่งเจอข้อความนี้ยิ่งใช่เลย
--- อ้างจาก: suby_ja ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2010, 06:12:04 pm ---ครับ
ค่าผ้า เบรค กับ ค่าแรงในการเปลี่ยน ถูกกว่า
ENGINE PART แน่นอนครับ
--- End quote ---
เก็บตังค์ค่าอะไหล่ไปเข้าโครงการเหยี่ยวดำเพื่อเด็กผู้ยากไร้ดีก่าครับ emo18o ซินเจียยู่อี่ ซินที่เกียงคัง พลังเหลือเฟือครับพี่น้อง emo28o
kong:
ถ้าให้ตอบแบบตรงคำถาม ก็คือ ถ้าคิดจะฝึก แนะนำให้ทำ 6-5-4-3-2-1
เหตุผลคือ การฝึกทำ heel&toe การเอาส้นเท้าไปกดคันเร่งนั้น มันต้องรู้ด้วยว่าเราต้องการให้รอบไปอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องกดคันเร่ง มาก/น้อย ขนาดไหน เช่น 3-2 ที่ 3,000rpm ต้องการให้ไปอยู่ที่ 4,000rpm แต่ถ้า 2-1 ที่ 2,000rpm ต้องการให้ไปอยู่ที่ 4,000rpm (เนื่องจากอัตราทดเกียร์ไม่เหมือนกันในแต่ละเกียร์)
ดังนั้น คนที่ทำข้ามเกียร์ได้ถูกต้องจริงๆ คงมีน้อยมาก ซึ่ง ผมว่า แค่ไม่ข้ามเกียร์ คนที่ทำถูกต้องจริงๆในเมืองไทย ไม่รู้ว่าจะถึง 20 คนไม๊ (ไม่ใช่ว่านักแข่งไทยไม่เก่งนะครับ ไม่ทำ heel&toe ก็โคตรเร็วได้)
แต่ขั้นแรก ต้องมั่นใจก่อน ว่าเราเบรคเก่งแล้ว คือ ตั้งแต่เริ่มเบรคจนรถหยุด หัวของเราผงกแค่ทีเดียว แล้วอยู่ที่เดิมตลอด ไม่มากขึ้น หรือ น้อยลง จนรถหยุด
ถ้าทำได้แล้ว ก็มาลองทำ heel&toe สิ่งที่สำคัญสุดคือ ตอนทำ น้ำหนักเบรคนิ่งเหมือนกับตอนไม่ทำไม๊ ถ้าน้ำหนักเบรคไม่นิ่ง สังเกตุดูว่าไม่นิ่งตอนไหน? ตอนขยับเท้าไปกดคันเร่ง? หรือ ตอนที่ปล่อยคลัทช์? ต้องเอาให้น้ำหนักเบรคนิ่งให้ได้ ถ้าเป็นตอนขยับเท้าไปกดคันเร่ง ก็ต้องพยายามทำไงก็ได้ให้น้ำหนักเบรคไม่เปลี่ยน ถ้าเป็นตอนปล่อยคลัทช์ ก็มีสองอย่าง กระชากไปข้างหน้า ก็คือ กดคันเร่งมากเกิน รอบสูงไป หรือหัวทิ่ม ก็คือกดคันเร่งน้อยไป
อีกเรื่องก็คือช่วงที่กดคลัทช์ ควรจะสั้นที่สุด ไม่ควรกดค้างไว้นานๆ
สำหรับผม ถ้าจะฝึก ก็จะทำอย่างที่ว่านี้
ถ้าตอนเอาไปใช้จริง เนื่องจากเราเองก็ไม่ได้โปรมาก ก็จะดูเป็นจุดๆไป บางโค้งใช้ บางโค้งไม่ใช้ บางโค้งอาจจะข้ามเกียร์ ถ้าในสนาม ข้ามเกียร์จะยากน้อยกว่าบนถนน เพราะว่ามันจะเหมือนๆเดิมทุกครั้ง เช่น สุดทางตรงพีระ 5-3 ทุกที ความเร็วพอๆกัน มันก็กะง่ายกว่า
ถ้าทำบนถนนเนียนได้ ในสนามจะง่ายกว่าครับ เพราะว่าใช้รอบสูงกว่า เบรคเต็มกว่า
แต่ถ้าคนที่เก่งๆ เช่น พระอาจารย์นิชิ เค้าจะใช้เยอะมาก เปลี่ยนแม่นมาก นั่งมาแล้วก็จะทำให้เราเกิดความละอายใจ ไม่กล้าใช้ เพราะสิ่งสำคัญจริงๆคือการคุมน้ำหนักเบรคให้ได้ ถ้าจะทำ heel&toe แล้วทำให้เบรคล้อล๊อค หรือ เบรคไม่เต็ม ก็อย่าทำซะดีกว่า
แต่ถ้าทำได้ มันก็มีประโยชน์ครับ
๑. เบรคแล้วรถจะนิ่งกว่า (ขับสี่)
๒. เกิดอะไรขึ้น ก็พร้อมที่จะใช้กำลังเครื่อง ทำให้รอดออกมาได้
๓. ถ้าขับหลายๆรอบ เปลืองเบรคน้อยกว่า
๔. ถนอมพวกระบบส่งกำลังต่างๆได้
แต่ถ้าทำไม่ถูก แล้วใช้
๑. ยางพัง
๒. ระบบส่งกำลังพัง
๓. เครื่องพัง
๔. เสียสมาธิ แทนที่จะเอาไปเบรค มัวแต่เปลี่ยนเกียร์ ทำให้ช้าลง
ถ้าไม่ได้คิดจะฝึก ผมว่า มันคงไม่คุ้มกับการสึกหรอ ถ้าฝึกบนถนน เครื่องคงไม่น่าเป็นไรมาก เนื่องจากตอนฝึก ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกรอบสูง แต่อาจจะเปลืองคลัทช์ กับ เกียร์ กับพวกเกี่ยวกับระบบส่งกำลัง เนื่องจากตอนฝึกคงไม่เนียนมาก พลาดนู่นนี่ แต่ถ้าทำเริ่มเก่งแล้ว ก็ไม่น่าเปลืองอะไรมาก
emo44o
สาหร่าย05:
emo72o
ก้องตอบได้แจ่มมาก สมเป็นศิษย์ผู้น้องจริงๆ emo64o
เพิ่มเติมให้นิดนึงครับ สำหรับการทำความเข้าใจรอบ หรือการทำ rev/matching ของรถเราเอง เพราะมันเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพันกับ heel&toe ด้วย
ก่อนจะเริ่มหัดทำ heel&toe จริงๆเราต้องรู้ก่อนว่า รอบเครื่องในรถเราเอง เมื่อลดเกียร์ลงในแต่ละช่วง มันแตกต่างกันเท่าไหร่
เช่นที่ความเร็วเท่ากัน สมมุติว่าซัก80กม./ชม. จากเกียร์4 2500รอบ ลดมาเกียร์3 อาจจะโดดขึ้นไปถึง4000 หรือ 6000กว่าๆ ในเกียร์2 ขึ้นอยู่กับอัตราทดเกียร์เราเอง
ตรงนั้น เราต้องรู้ และต้องแม่นจริงๆ เพราะถ้าไม่แม่น การ"แย๊บคันเร่งด้วยส้นเท้า" ที่เราจะทำ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะถ้ากดมากไป รอบก็สูงเกินจำเป็น
พอปล่อยคลัทช์ รถก็ไม่นิ่ง หรือในทางกลับกัน แย๊บน้อยเกินไป รอบไม่ถึง พอปล่อยคลัทช์รถก็กระชากตามรอบที่ถูกเหวี่ยงขึ้นไปอีัก
ความสำคัญและหัวใจหลักๆของการทำ heel&toe จึงอยู่ที่ ความสัมพันธ์ของรอบด้วย บางคนเน้น engine brake คือทำตั้งแต่รอบสูงๆ ก็จังหวะนึง
บางคนเบรคลงมาจนรอบต่ำๆ ก็น่าจะทำง่ายกว่า แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่ใช่ก็ได้ การข้ามเกียร์ก็เช่นกัน วิธีนั้นผมเคยบอกไว้หลายครั้ง
คือให้พวกเรา "โฟกัส" ไปที่เบรค/ไลน์/สปีดที่จะเข้าโค้ง มากกว่าการมานั่งเกร็งกับจังหวะในการทำ heel&toe
เำพราะฉะนั้น ในการสอนมือใหม่ๆ ผมจะเน้นเสมอว่า ถ้ายังทำได้ไม่ดี อย่าเพิ่งทำ หมายถึงถ้าวิ่งในสนามแล้วยังไม่ชินกับการทำ heel&toe
ก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ให้ใช้วิธีเบรคลงให้รอบต่ำๆก่อน แล้วจังหวะการปล่อยคลัทช์หลังลดเกียร์ ให้ทำแบบนุ่มๆ ซึ่ง อาจจะเปลืองคลัทช์หน่อย
แต่ผลออกมา ใกล้เคียงกับการทำ heel&toe นี่แหละ นี่ผมพูดถึงรถบ้านๆ ที่คลัทช์ไม่โดด ไม่จับมากๆนะครับ ถ้าเป็นพวกคลัทช์จับมหาโหดก็ลำบากหน่อย
ผมเองยอมรับว่า ในรถขับหน้าทั้งหมดที่ขับในสนาม ไม่ว่าฮอนด้า โตโยต้า มิตซูหรืออะไรก็ตาม ผมไม่เคยทำ heel&toe เพราะไม่มีความจำเป็นเลย
แต่ถ้าเป็นรถขับ4 หรือขับหลัง หรือรถที่คลัทช์จับโหดๆตามที่บอก ผมก็พยายามทำเท่าที่ทำได้ หมายถึงทำแล้วไม่้มีผลเสียกับเรื่องอื่นๆนะครับ
คนที่อยากฝึกจริงๆ ก็ควรมีความเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า ทำไปเพื่ออะไร ทำยังไง ขั้นตอนหรือจังหวะอยู่ตรงไหน ไม่ใช่อยากทำก็ทำ ทำผิดทำถูกแล้วมาบอกว่าทำ
อย่างนั้นใช้ไม่ได้ครับ ที่ผมเิห็นบ่อยที่สุดคือ ทำผิดจังหวะ คือเบรค เอาส้นเท้าแย๊บคันเร่งก็จริง แต่รอรอบตกก่อนแล้วถึงปล่อยคลัทช์
แบบนั้นจะทำไปทำบ้าอะไร แล้วที่ผมเห็นนี่้ ไม่น้อยนะครับ พวกนักแข่งวันเมคนี่แหละตัวดี emo69o
ยืนฟังเสียงเอาก็รู้ครับ เหมือนรอบเครื่องจะถูกเร่งขึ้นไปสองจังหวะซ้อน จังหวะแรกเพราะส้นเท้าแย๊บคันเร่ง จังหวะที่สองตามมาคือเสียงรอบที่ถูกดีดขึ้นตอนปล่อยคลัทช์
ที่ร่ายมาซะยาวนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ แค่อยากบอกว่า "ถ้าจะทำ ทำให้ถูก ไม่งั้นไม่ต้องทำดีกว่า"
มึนมั้ยครับ emo64o
Ricer:
emo20o โออออ อ่านคำแนะนำจากท่านอาจารย์แล้ว ฮึดครับ ตอนนี้ก็พยายามฝึกฝนอยู่ครับผม emo28o เมนท์ได้ตรงไปตรงมามากครับ แต่สงสัยอย่างว่าทำไมรถขับหน้าถึงไม่จำเป็นต้อง Heel & Toe ครับ emo11o
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version