Gallery > Car Member Gallery

The Blue Hattori 2003 WRX Sti V-Limited no.419/555(Updated,P.18)

<< < (11/58) > >>

PunTam:
นับถือในความพยามยามมากๆเลยครับ  :bbbear_19: :bbbear_19: :bbbear_19: มารอฟังต่ออยู่นะครับ

Hattori:

--- อ้างจาก: arzz ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 08:35:05 am ---สวยมากคับ

--- End quote ---

GC8 ของคุณ arzz นี่สวยมากเลยครับ หากผมจะมีรุ่นนี้สักคัน ผมว่าหน้าตาของเค้าก็คงจะประมาณนี้แหละ  :bbbear_34:

Hattori:
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำและคำติชมนะครับ หายไปพักใหญ่เพื่อไปทำงาน (หาสตางค์มาขุนเจ้าฮาโตริให้อ้วนกว่าเดิม) พอดีเพิ่งกลับจากทริปฮ่องกงครับ อยู่ที่นั่น 3 วัน ได้เห็นเลกาซี่อยู่แค่คันเดียว ไปเดินทั้งแถบจิมซาจุ่ยและหม่งก๊กที่เป็นถนนคนเดินก็ช่างเงียบเชียบเสียเหลือเกิน มีแต่ผู้คน ไม่มีซูบารุ ไม่มีซูเปอร์คาร์ ไม่มีเสียงเครื่องคำรามใดๆ ทั้งนั้น มีแต่รถหรูอย่างเดียว (โคตะระเบื่อ ไม่มันส์เลย) ต่างจากไปสิงคโปร์โดยสิ้นเชิงเลยครับ ที่นั่นจะเห็นอิมอยู่เป็นระยะ รถซูเปอร์คาร์นี่เยอะเลย เดินอยู่เพลินๆ เดี๋ยวเดียวก็ได้ยินเสียงแล้ว (สำหรับคนไม่ปกติอย่างเรามันก็มันส์ดี แต่สำหรับคนอื่นเค้าก็อาจจะรำคาญได้)
 :bbbear_2:

ไปฮ่องกงเที่ยวนี้ก็ไม่เสียเที่ยวครับ ได้เนื้อคู่เจ้าฮาโตริกลับมาด้วย คือรองเท้า Puma Ferrari ซึ่งแบบนี้ของรุ่นนี้ที่บ้านเราผมก็ไม่เคยเห็น เพราะก็เดินไปดูมาหลายร้านแล้ว ทั้งกรุงเทพฯและพัทยา แต่เพิ่งเคยเห็นสเป็คชัดๆ ก็ที่ฮ่องกงนี่แหละ เพราะที่นี่เค้าเป็นปรมาจารย์ด้านการค้าปลีกอยู่แล้ว ก็เลยต้องจัดไปครับ รองเท้าดีๆ มันก็ทำให้ขับได้สนุกขึ้น ตอนนี้ผมเองก็มีอยู่ 3 คู่แล้ว ซื้อเอาไว้เพื่อขับเจ้าฮาโตริโดยเฉพาะเลย เป็น Puma 2 คู่ และ Camper อีก 1 คู่ (ไม่อยากจะบอกว่าเป็นสิ่งแรกที่หาซื้อมาเลย เตรียมไว้ก่อนที่จะได้เจ้าฮาโตริมาซะอีก) หากเพื่อนๆ ท่านใดมีประสบการณ์เรื่องรองเท้า ก็แชร์ให้ฟังกันบ้างนะครับ เคยคิดเหมือนกันว่าหากได้ไป Track Day กับ SSS น่าจะพกพวก Sparco ไปซักคู่หรือเปล่า? ไม่รู้ว่าคู่กี่ตังค์? ใส่แล้วรู้สึกยังไง? อยากลองเหมือนกัน ใครรู้ก็แชร์ให้ฟังกันบ้างนะครับ ก็ลองดูสเป็คของเจ้า Puma ตามรูปดูนะครับ

Hattori:
แก้เลี่ยนเรื่องรถ มาดูเรื่องกินกันบ้างดีกว่า หากเพื่อนๆ ท่านใดมีโอกาสได้ไปฮ่องกง และแวะย่านถนนคนเดินแถว “หม่งก๊ก” ผมอยากจะแนะนำร้านนี้เลยครับ ชื่อร้าน “Hui Lau Shan” ผมเรียกของผมเองว่า “ร้านโลกนี้คือมะม่วง” เพราะทั้งร้านขายขนมหวานที่เป็นมะม่วงเกือบทั้งหมด เดินเล่นร้านค้าแถวนั้นกำลังเหงื่อซึมๆ หากแวะเข้าไปซัดไอศครีมสาคูมะม่วงกับน้ำมะม่วงใส่ว่านหางจระเข้ ที่เค้าเสริฟท์มาเย็นจัดโดยไม่มีน้ำแข็ง มันจะดับกระหายได้ดีเหลือหลาย อ้อ ... ก่อนของหวานนี่ควรต้องเปิดด้วย “ขนมผักกาดแท้ๆ” ที่ใส่แต่หัวไชเท้ากับกุ้งแห้ง สุดยอดแห่งความอร่อยเลยครับ ขอบอก (ดูรูปเอาก็น่าจะพอเดาได้นะครับ)

Hattori:
เอาละ ... กลับมาต่อกันดีกว่าครับ

ตอนที่ 4

หลังจากที่ผมได้ผิดหวังกับเจ้าอิมคันแรกกันแบบ “สวรรค์ล่ม ฟ้าถล่ม” อย่างที่ได้เล่าให้ฟังในคราวก่อน หลังจากนั้นก็เป็นช่วง low profile สุดๆ ไม่อยากจะกลับไปนึกถึงมันอีก เพราะอิมช่างเป็นสิ่งที่ “ไกลเกินเอื้อม” เสียเหลือเกิน ลองคิดดูนะครับว่าไอ้ผมมันก็คนธรรมดาเดินดินคนนึงที่ไม่ได้มีสมบัติพัสถานหรือมรดกอะไรทั้งนั้น หากว่าจะต้องตั้งครอบครัวและจะต้องมีทั้งบ้านและรถ อีกทั้งต้องเตรียมความพร้อมสำหรับลูกคนแรก ก็คงจะหมดเวลากันไปอีกสัก 5-6 ปีเป็นอย่างต่ำละครับ
 :bbbear_38:

ระหว่างนั้นก็แทบจะไม่มีอาทิตย์ไหนเลยที่ผมจะไม่นึกถึง “อิม” ถ้าไม่อ่านหนังสือ ก็ต้องดูเว็ป หรืออย่างน้อยก็ไปเปิดคลิปใน YouTube ดูเอาก็ยังดี ทั้งรถที่เค้าเอามาโพสกันจนถึงคลิปการแข่งขันใน WRC ไม่ว่าจะเป็น Petter Solberg หรือ Tommi Makinen นี่ผมจะชอบมากเลย  เหล่าบรรดาเพื่อนสนิทผมนี่เค้าจะรู้กันเลยว่าผมชอบของผมอยู่ยี่ห้อเดียวคือ “ซูบารุ” เพราะไม่ว่าเพื่อนผมจะซื้อซีรีย์ 5 หรือรถหรูใดๆ มาขับกันจนเปลี่ยนกันไป 2-3 รุ่น หรือแม้ภรรยาผมจะพูดถึงรถสวยๆ ว่าหากในอนาคตเรามีตังค์มากขึ้นก็ค่อยซื้อมาขับนะ จะมือ 1 หรือมือ 2 ก็ได้ (ส่วนใหญ่ก็เบ๊นซ์ บีเอ็ม นั่นแหละ)  ผมก็จะบอกแต่ว่าสวยดี ให้ขับฟรีๆ เอา แต่หากเสียตังค์ซื้อไม่เอา จะเอาแต่ “อิม” เท่านั้น จนบางครั้งภรรยาคิดว่าผมแกล้งพูดจากวนอารมณ์ ... เพราะนึกไม่ถึงว่าผมจะไม่เคยลืมอิมเลย
 :bbbear_40:

ในระหว่าง 6 ปีนั้น ผมก็ได้มีโอกาส (แอบ)ไปดูอิมคันที่ 2 ครับ แต่ก็ได้แค่ไปจับๆ แล้วก็สตาร์ทฟังเสียงดู เพราะดูแล้วห่างไกลความเป็นไปได้สำหรับผมเสียเหลือเกิน เนื่องจากมันเป็นเหยี่ยว ที่แต่งมาเกิน 500 ม้า และสมบูรณ์แบบที่สุดคันนึงในประเทศไทยเหมือนกัน ก็เป็นของเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งใน SSS นั่นแหละครับ แต่รู้สึกว่าเพิ่งจะขายไป ในตอนที่เพื่อนสมาชิกท่านนี้ได้มา เห็นลงข้อมูลว่าประมาณ 2 ล้านกลางๆ ส่วนไอ้ตอนที่ผมไปดูตอนนั้น เขาวางราคาไว้ 3.2 ล้านครับ (มันไกลเกินความเป็นจริงมั้ยล่ะ) แต่ก็เกือบมีลูกบ้า กะว่าจะกินแต่ข้าวแกงกับมาม่าทุกวัน แล้วค่อยไปบอกคนที่บ้านว่าคันละ 2 ล้าน แต่พอมาใคร่ครวญอย่างรอบคอบดูแล้วก็ตัดสินใจว่า อย่าดีกว่า เพราะมันจะทำให้ครอบครัวเราต้องเดือดร้อน และหากพิจารณาให้รอบคอบแล้ว เราเองก็ควรจะรู้เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง “กิเลส” อันไม่มีที่สิ้นสุด กับ “ความลุ่มหลง” ที่สร้างแรงบันดาลใจดีๆ ได้ และแล้วก็ต้องตัดใจกันไปครับ สำหรับคันนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า “เหยี่ยวน้ำเงิน” ตัวนี้เค้าสวยจริงๆ เลย ขนาดแค่ยืนลูบๆ คลำๆ อยู่แค่ภายนอก ยังรู้สึกขนลุกใจเต้นเลย (ไม่รู้ว่ามีเพื่อนๆ ท่านใดเคยรู้สึกอย่างนี้มั้ย เวลาเจอคันที่ใช่ หรือคันที่ชอบ)
 :bbbear_31:

หลังจากนั้นก็ไม่คิดมากแล้วครับ ใช้ชีวิตสนุกสนานกับครอบครัว ตั้งใจทำงาน เป็นคุณพ่อและสามีที่ดีไป แต่ในใจก็ตั้งความหวังลึกๆ ไว้ตลอดว่า ถ้าเจอ “คันที่ใช่” เมื่อไหร่ เราจะต้องสอยมาทันที จะไม่มีคำว่า “พลาด” อีกเป็นอันขาด (ผมว่าไอ้ความบ้า “อิม” ของผมนี่ มันไม่ได้น้อยไปกว่าเหล่าสาวก Little Monster ของเลดี้ กาก้า ที่ไปนอนหน้าสเตเดี้ยม 1 สัปดาห์ล่วงหน้าสักเท่าไหร่เลย)
 :bbbear_34:

ต่อมาในช่วงกลางปี ’11 มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนงานใหม่ ก็อาชีพปัจจุบันนี่ละครับ เป็นงานขายและตลาดที่เกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬาและแฟชั่น ไม่มีรถบริษัทฯ แต่ได้ค่าเสื่อมรถต่อเดือน และต้องมีการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ เยอะ รวมถึงต้องเข้าใจในผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ และวิธีการสื่อสารทางการตลาดทุกรูปแบบ ก็เลยชักรู้สึกตะหงิดๆ ว่า เอ๊ะ ... ชักเข้าทางแฮะ นี่มันสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบ ที่เกือบจะทำให้เราได้อิมมาครอบครองในครั้งก่อนนี่นา ถ้าหากไม่เดินหน้าวางแผนในตอนนี้ ก็คงต้องเป็นชาติหน้าแล้วหละที่จะได้ขับอิม
 :bbbear_25:

หลังไอเดียบรรเจิด (อีกครั้ง) จากนั้นก็เริ่มเป็นขั้นเป็นตอนกันเลยครับ ตั้งแต่เตรียมความพร้อมให้ตัวเองก่อน เพื่อคุณสมบัติข้อที่ 3 (ความสามารถที่จะใช้รถให้ได้ในชีวิตประจำวัน) แม้อาชีพใหม่ของผมจะเริ่มส่ง แต่เนื่องจากวัยที่มากขึ้น ขับอิมอาจจะมีคนมองแปลกๆ โดยเฉพาะลูกค้าหรือคู่ค้า หรือแม้แต่อาจจะโดนภรรยาค่อนขอดได้ ก็เลยต้องปรับตัวเองใหม่เลยครับ จากเดิมที่ใส่สแล็คผูกเน็คไท รองเท้าหนังมันปล๊าบ มีสูทบ้างตามโอกาส แต่หน้าที่การงานใหม่นั้นเอื้อให้ใส่ยินส์,โปโล, T-Shirt, เสื้อเชิ๊ตลำลอง, และรองเท้าผ้าใบ ก็เข้าทางเลยครับไปกันได้กับแนวรถ
 :bbbear_32:

แต่แค่นี้ยังไม่พอเพราะครั้งนี้ตั้งใจจะกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการเป็นเจ้าของอิมให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง และด้วยความที่ทำงานในเมือง แต่บ้านอยู่แถบ บางกรวย-ไทรน้อย ซึ่งรถจะติดมากทั้งเช้าและเย็น หากเราใช้อิมเกียร์ธรรมดา และถ้าไปได้รถที่แต่งมาเยอะ ก็คงอ่วมแน่ๆ แถมอาจจะโดนคนใกล้ตัวด่าอีก ผมก็เลยเตรียมความพร้อมด้วยการตื่นเช้าขึ้น(มาก) คือจากเดิมเคยตื่นตีห้าครึ่ง ออกจากบ้านเจ็ดโมง ใช้เวลาไปทำงานตอนเช้า 1.5-2 ชม.ทุกวัน ก็เปลี่ยนเป็นตีสี่ครึ่ง แล้วออกจากบ้านประมาณตีห้าครึ่งกว่าๆ ถึงที่ทำงานก่อนหกโมงครึ่ง พอจอดรถเสร็จก็เดินไปเข้าฟิตเนสโดยวิ่งและเข้า weight training ทั้งหมดประมาณชั่วโมงครึ่ง เสร็จแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวเดินกลับมาทำงานต่อ
 :bbbear_1:

ไอ้ที่ทำเนี่ยก็เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้เกียร์ธรรมดาในชีวิตประจำวันได้ และให้ร่างกายมีความตื่นตัวมากพอที่จะควบคุมรถที่ประสิทธิภาพสูงมากๆ อย่างซูบารุได้ เพราะในระยะหลัง งานจะหนักมากขึ้นตามความรับผิดชอบ แต่พักผ่อนน้อยและไม่ออกกำลังเลย  ร่างกายก็เลยขาดความสดชื่น และมีอาการง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงค่ำๆ ถึงดึก ตอนที่ขับรถกลับบ้าน (ไอ้การหลับในระดับชนขอบปูน จนรถกระเด้งกลับมาแล้วค่อยตื่นผมก็ยังเคยมาแล้ว)
 :bbbear_27:

เพื่อนสนิทผมพอรู้เข้ามันบอกว่า “ไม่เคยเห็นใครจะต้องมาลงทุนลงแรงมากขนาดนี้เพื่อให้ได้รถที่ชอบมาขับเลย ก็แค่เดินไปซื้อเอามาขับก็จบ” ผมก็เลยตอบไปว่า “ไม่ได้ต้องการจะให้มันเว่อร์อะไรหรอก ก็แค่อยากให้คนที่เรารัก เขายอมรับในสิ่งที่เรารักด้วย ก็แค่นั้น” และผมว่ามันก็คุ้มค่า ที่จะลงทุนกับสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ ผมเองยังประทับใจที่สมาชิกท่านหนึ่ง คือ “คุณแมว” (ขออนุญาตเอ่ยถึงอีกครั้ง) เขียนลงในกระทู้ว่า “เพราะว่าอิมเป็นรถที่พิเศษ จึงต้องการการดูแลแบบพิเศษ เช่นกัน” ผมเลยคิดว่า ไอ้การที่ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ ก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติสำหรับ “คนรักอิม” อย่างเราๆ ท่านๆ นะครับ
 :bbbear_47:

ก็เดินหน้าปฏิบัติตนอย่างนั้นมาตั้งแต่ พ.ค. - ก.ย. ปีที่แล้ว โดยเล็งว่าหากโบนัสปลายปีออก (ซึ่งน่าจะออกมาดี) คงจะต้องไปอัญเชิญ “น้องอิม” สักคันมาประดิษฐานที่โรงรถให้ได้ ช่วงนั้นก็เตรียมเล็งเป้าหมายไว้หลายคัน และวางแผนว่าพอพร้อมทุกอย่างทั้งข้อ 3 และ ข้อ1 คราวนี้แหละ ไอ้ข้อที่ 2 (ครอบครัว) ที่เคยมีปัญหาเนี่ย มันจะต้องผ่านแบบนอนมาแน่นอน เพราะบ้านก็มีแล้ว หน้าที่การงานมั่นคงทั้งคู่ ลูกก็เริ่มจะรู้ความและจะเข้าป.1 ปีหน้าอยู่แล้ว มันคงจะไม่มีอุปสรรคอะไรมาหยุดยั้งเราได้เป็นแน่แท้ แม้นว่าคนที่บ้านจะไม่ชอบซูบารุอย่างแรง (ผมว่าเข้าขั้นอคติเลยหละ) แต่โบราณท่านว่า “น้ำเซาะหินยังกร่อน” แล้วนี่มัน “ภรรเมีย” ทั้งคน หากเราใช้ลูกตื๊อ+ความเพียร&ความด้าน มันก็ต้องมีกร่อนบ้างซิฟะ
 :bbbear_22:

ในขณะที่ความฝันของผมดูเหมือนจะเข้าใกล้ความเป็นจริงเข้ามาทุกขณะ หลังจากที่ผ่านไปถึง 13 ปี จู่ๆ ความรู้สึกเหมือน “สวรรค์ล่ม ฟ้าถล่ม” ก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงกลาง ก.ย.’11 ซึ่งได้เกิดวิกฤตมหาอุทกภัย และบ้านที่เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของเราทั้งสอง ก็อยู่ในเขตนั้นด้วย ณ เวลานั้น มันเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอเลยครับ คิดในใจว่าเอาอีกแล้ว คงฝันสลายอีกแล้วสิเรา และคราวนี้อาจจะถึงขั้นเกิดวิกฤตทางการเงินของครอบครัวกันเลยทีเดียว เพราะบ้านของเราก็ทำตกแต่งภายในไปเยอะ และเป็น build in เกือบทั้งหลัง ถ้าหากน้ำท่วมถึงภายในบ้าน ก็คงจะเสียหายอย่างหนักแน่ๆ และเมื่อถึงตอนนั้นงบอิมของผมมันก็คงจะสูญไป กว่าความพร้อมจะกลับมาอีก ก็คงอย่างน้อยอีกหลายปีข้างหน้าแน่นอน
 :bbbear_6:

พอย่างเข้าเดือน ต.ค. น้ำหลากที่มาจากทางปทุมธานี กวาดบ้านน้องชายผมตรงเส้น 345 ไปก่อน น้ำขึ้นเร็วมากจากระดับปริ่มพื้นจนถึงเอวภายใน 6 ชม. และจบที่ระดับความสูง 1.5 เมตร ความเสียหายอยู่ในระดับรุนแรงเพราะเก็บของกันไม่ทัน จากการคาดคะเนของผม บ้านผมอาจจะมีเวลาเพียง 1 สัปดาห์ หรือน้อยกว่า และหากผมเก็บของได้ทัน และลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด โอกาสที่จะเป็นเจ้าของอิม อาจจะยังไม่หลุดลอยไปไกลนัก และอาจจะยังพอที่จะคว้ากลับมาได้ทัน
 :bbbear_41:

หลังจากนั้นอีกไม่ถึงสัปดาห์ เมื่อ “น้องน้ำ” มาถึง เธอก็ได้พาเอาความเสมอภาคจริงๆ ของคนไทยทั้งประเทศมาให้ด้วย เพราะไม่ว่าจะยากดีมีจนยังไง ก็ “ท่วม” เหมือนกันหมด บ้านผมโดนเข้าไปที่ระดับ 1.2 เมตร ต่ำกว่าบ้านน้องชายหน่อย แต่ภายในที่เป็น build in เสียหายหมดโดยเฉพาะพื้นบ้าน ที่ผมอุตส่าห์ลงทุนทำเป็นไม้บีชอย่างดีเพื่อให้ลูกนั่งเล่นกับพื้นได้ เพราะมันไม่เย็นจนเกินไป มันลอยขึ้นมาทั้งแผ่นเลยครับ ตอนที่ผมกับภรรยาโบกรถ แล้วต่อเรือเข้าไปเพื่อดูความเสียหายของบ้านนั้น ผมต้องพายเรือตั้งแต่หน้าหมู่บ้านเข้าไป พอเห็นสภาพบ้านเท่านั้น ภรรยาผมถึงกับน้ำตาซึม ส่วนผมนั้นทำใจไว้ก่อนแล้ว ในวินาทีนั้นสำหรับผมแล้ว ไม่มีคำว่า “อิม” อยู่ในหัวสมองอีกต่อไป ...... (มาต่อกันตอนหน้านะครับ ว่าผมสามารถจะพลิกฟื้นสถานการณ์หลังน้ำท่วม และนำ “อิม” กลับมาอยู่ในสมการได้อย่างไร)
 :bbbear_48:


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version