Article > Article

Full Review : แมวน้อยของฉัน...ที่ไม่ใช้กังหันเทอร์โบ...

<< < (2/7) > >>

signifer:
ผมสรุปข้อดีข้อเสียให้นะครับ ตามนี้เลย

ข้อเสียก่อนนะครับ
ไม่ได้เครื่องเทอร์โบ....การต่อยอดเป็นเทอร์โบไม่ยุครับ เพราะต้องดัดแปลงระบบน้ำมันเยอะเลย

แรงม้าไม่มากนัก (ไม่เกิน 200) แรงบิดน้อยกว่าเครื่องเทอร์โบ

ต้องผ่าเครื่องเดิมและมีการโมดิฟายภายในใหม่ ถ้าช่างไม่เก่ง มีโอกาสไม่จบ....เพราะช่างต้องเข้าใจระบบภายในเครื่องทุกชิ้นส่วน ย้ำนะครับ ทุกชิ้น...
รถผมเปลี่ยนแคร้งน้ำมันเครื่องใหม่ของเดิมมันสี่ลิตร เปลี่ยนเป็นแคร้งใหญ่ห้าลิตร ครับ

สำหรับแมวนะครับ แมวเป็นระบบชุดสายไฟแบบแคนบัส(รถรุ่นใหม่ๆเป็นแบบนี้หมด) คือสายไฟจะน้อยและมาแยกความถี่ของชุดสัญญาณแต่ละส่วนของระบบอีกที ถ้ามีการยุ่งกับระบบสายไฟมากๆ มันจะไม่จบเอาครับ สุดท้ายกล่องเดิมก็ง่อย ต้องเอา F-Con V-Pro มาคุมทั้งหมด  อันนี้สำหรับคนที่อยากเยอะ......ผมว่าโปรเจคนี้ไม่เหมาะ

สำหรับแมวนะครับ เนื่องจากชุดลิ้นปีกเป็นไฟฟ้า ถ้าเปลี่ยนลิ้นใหญ่มากๆ ไม่เหมาะ เพราะอาจจะต้องดัดแปลงระบบคันเร่งสาย ทำให้ระบบประมวลผลเดิมของกล่องเดิมเพี้ยนเพราะการจุดระเบิด การจ่ายน้ำมัน คุมด้วยเซ็นเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้าประกอบกันด้วยครับ ไม่ได้วัดจากค่าแม็ปเซ็นเซอร์อย่างเดียว ของเดิมแมวคว้านลำบากครับ ไม่ยุ....เล็งมาแล้ว

สุดท้าย โปรเจคนี้เสียเงินแสน 1x0,000 ครับ x จะไปจบเท่าไหร่มันอยู่ที่ว่าของแต่ละอย่างที่ใส่ ใส่อะไรบ้าง ต้องการอะไรบ้างมากกว่า


.....ถ้าเป็นรุ่นก่อนแมวที่เป็นคันเร่งสาย ที่ระบบไม่ยุ่งยาก คุณเอาเงินก้อนนี้หาเครื่องเทอร์โบวางได้เลย มันจบได้ง่ายกว่าแมว ได้แรงม้ามากกว่าโมดิฟายได้ง่ายกว่าครับ ผมคิดแบบนั้นเพื่อนผมหลายคนก็คิดแบบนั้น แต่ถ้าคุณเล่นแมวแล้วศึกษาอย่างลึกๆ คุณจะรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะเอาเครื่องรุ่นเก่ากว่ามาดัดแปลงใส่แล้วไม่เกิดปัญหาตามมา (ส่วนมากเกิด.....แล้วก็แก้ไขดัดแปลงกันไปให้จบ ช่างไทยเก่ง) 


ข้อเสียอีกข้อที่เจอคือไฟเครื่องโชว์ครับ แต่มันเกิดจากผมใส่เฮดเดอร์แต่งครับ ถ้าเฮดเดิมมีแคตนี่ไม่น่าเกิดครับ กะว่าจะหาแคตซิ่งใส่เพิ่มแล้วไปลบไฟอีกครั้งค่อยว่ากัน
แต่ตอนนี้ขับขี่เป็นปกติ การกินน้ำมันก็ปกติ(วัดจาก AF วายแบรนด์ครับ)

signifer:
ข้อดี....อันนี้ค่อยน่าฟังหน่อยเนอะ

ไม่ต้องทิ้งของเดิมที่มี ผมเน้นคือพวกอุปกรณ์ติดรถแทบทุกอย่างเหตุผลคือ แมวส่วนมากออกป้ายแดง วิ่งน้อย เครื่องและชุดอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ มันใหม่มาก
ใช้ไปอีกนานก็ไม่เสีย ดังนั้นเราสามารถเก็บพวกนี้ไว้ใช้ได้ การประมวลผลร่วมกับกล่องเดิมติดรถ (กล่องแมวมีสองตัวคือ อีโมบอดี้ กับอีโมเครื่อง ถ้าตัวใดตัวหนึ่งไม่เหมือนกันเหมือนผัวเมียแหละ มันจะสตาร์ทไม่ติด กล่องล๊อคได้ครับ)  สเตปนี้ตัดพวกนี้ไปได้คือไม่ต้องกังวลเรื่องระบบเดิมที่เป็นแคนบัส ทั้งเข็มหน้าปัด ระบบคันเร่ง ระบบควบคุมอุณหภูมิต่างๆ มันเหมือนเดิม

ได้รถขับสนุกขึ้นกว่าเดิมระดับหนึ่ง

ไม่ต้องเปลี่ยนปั๊มติ๊ก และเดินระบบน้ำมันใหม่ (เครื่องรุ่นเก่าจะมีระบบน้ำมันไหลกลับถังนะครับ มาแล้วเกินกลับ) แต่ของแมว มาแล้วมาเลย ปั๊มติ๊กจ่ายมาเข้าเรกกูเรเตอร์คุมแล้วสั่งจ่ายตามกล่องสั่งเลย มันจะไม่เหมือนรุ่นเก่าครับ ข้อดีคือถ้าหัวฉีดพอ ระบบน้ำมันจ่ายพอแน่นอนไม่ต้องยุ่งกับระบบนี้เลย แต่ถ้าไม่พอเมื่อไหร่ ยุ่งโคตรๆเพราะต้องรื้อระบบเดิมทิ้ง นั่นแปลว่าถ้าเอาพื้นฐานเดิมมาทำเทอร์โบที่บูสต์สูงมากๆ กะ 300-400 แรงม้า ระบบเดิมไม่เอื้ออำนวยครับ

แต่ถ้าสัก 200 ต้นๆ หัวฉีดสองพัน เอาอยู่นะ

สามารถใช้ชุดเกียร์เดิมได้โดยไม่มีปัญหา แม้กระทั่งครัชเดิมก็เอาอยู่แต่ทั้งนี้อยู่ที่วัตถุประสงค์การใช้งานด้วย ถ้าเอาไปซัดในสนามบ่อยๆ
ครัชเดิมก็อาจจะลาโลกได้ แนะนำครัชซิ่งสักชุดจะดีกว่า แต่เนื่องจากผู้เขียนต้องการอะไรที่มันใช้งานได้สบายในเมือง ขับง่ายๆ ไม่ชอบครัชหนักๆ
ดังนั้นทางอู่จึงให้ใช้ครัชเดิมจนกว่าจะพังก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนซึ่งอีกนานเพราะครัชเดิมวิ่งมาสองหมื่นโลเท่านั้น  ดังนั้นทำเครื่องแล้วขับไมไหว
จึงตัดทิ้งเพราะระบบครัชเดิมขับสบายมาก ผมเคยไปขับเครื่องสองพันที่โมมา ใส่ครัชแต่ง หนักมาก ขับยาก ถ้าเป็นผู้ใหญ่หน่อยเจอรถติดในเมืองมีบ่น
ดังนั้นสเตปนี้แม้จำเป็นต้องทำครัชแต่ก็แค่ผ้าดีๆสักชุด(ไม่จำเป็นต้องทองแดง) พวกผสมก็เพียงพอต่อการใช้งาน
ขับง่ายไม่กระชาก ไม่มีปัญหาเสียงดังเวลาต้องเลียครัชครับ

ระบบขับเคลื่อนไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกครับ ทุกอย่างเดิมหมด เพลาเดิมเกียร์เดิมเพราะไม่มีการตัดต่ออะไร ทุกอย่างรับไหวหมด
ระบบเบรกผมก็เดิมๆ แต่อู่แนะนำว่าถ้าได้เบรกหน้าดีๆสักชุดจะมั่นใจกว่า แต่เนื่องระบบเบรคของแมวพันห้ากับสองพันเหมือนกัน ผมเลยคิดว่าอาจจะเปลี่ยนเฉพาะผ้าเบรกเกรดดีๆกับจาน เบรคดีๆสักชุด  น่าจะเพียงพอ สำหรับการใช้งาน

ระบบหน้าปัด ระบบไฟในรถ ไม่ต้องดัดแปลงอะไรเลย ทุกอย่างใช้ได้เหมือนเดิมครับ

หม้อน้ำเดิม.....ไม่ต้องเปลี่ยน เปลี่ยนไปความร้อนก็ไม่ได้ลดลง เหตุผลคือ วาล์วน้ำของแมวเปิดที่ 90 องศาครับ วอร์มนิ่ง(เตือน)ที่ 110 ครับ ทีนี้ผมคุยกับอู่ว่าใส่วาล์วน้ำซิ่งไปดีมั๊ยเปิดที่ 76 (ถ้าจำไม่ผิด) อู่บอกความร้อนก็ไม่ได้ลดเพราะว่าสเตปของพัดลมทำงานตามเซ็นเซอร์ครับ ที่คุมว่าให้ทำงานพัดลมสเตปหนึ่งเท่าไหร่ สองเท่าไหร่ และพัดลมแอร์ก็มีส่วนดังนั้นในความเห็นอู่คือ ใส่คูลแลน ดีๆ ก็พอ แต่ถ้าชอบซัดยาวๆ หรือซิ่งในสนามก็อาจจะต้องปรับปรุงในส่วนนี้ครับ
ซึ่งส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ซัดยาวแล้วไฟเตือนขึ้นโชว์มาแล้ว แต่พอเช็คระบบทั้งหมดจริงๆก็ไม่มีอะไรเสียครับ ถ้าจะให้มันเวิร์คคงต้องไปปรับการทำงานของเซ็นเซอร์หม้อน้ำให้ทำงานเร็วขึ้นครับ น่าจะเวิร์คสุด

ชุดท่อไอเสีย อันนี้จริงๆ ผมว่าใช้ชุดท่อเดิมของ 2.0NA น่าจะดีที่สุดเพราะแมวมีเซ็นเซอร์แคตตาไลติกสองตัว ครับ ถ้าเดิมก็แจ่มแต่ถ้าเดิมไม่ได้ อยากแนะนำว่าถ้าเดินเฮดใหม่ ให้ใส่แคตซิ่งครับ เพื่อการประมวลผลเดิมมันเที่ยงตรงที่สุด(แต่ถ้าไม่ใส่ก็ให้กล่องจูนหลอกเอาก็ได้แต่ไฟโชว์นะ) ความเห็นส่วนตัวคือใส่ไว้ดีกว่า เนียนกว่านะ

บาลานซ์รถ อันนี้สำคัญ เพราะการวางเครื่องใหม่หรือการทำเครื่องใหม่ใดๆ บางครั้งมีปัญหาเรื่องบาลานซ์รถเสีย สเตปผมเท่าที่ดูจากน้ำหนักเครื่องแล้วไม่น่าจะมีปัญหา น้ำหนักเดิมไม่เปลี่ยนครับ รู้สึกจะเบาขึ้นจากเฮดแต่งนี่แหละ เบากว่าท่อเดิมครับ  แต่ถ้าเป็นการทำเทอร์โบ น้ำหนักจะตกหน้าเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยจากชุดท่อร่วมไอเสีย ชุดเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ แต่ก็ยังดูไม่น่าซีเรียสเท่าไหร่ พิกัดเครื่อง EJ N/A ทุกพิกัดใกลเคียงกันครับ

signifer:
เรื่องเงินๆทองๆที่ต้องรู้

แรงม้าต่อบาท ถูกกว่าการทำเครื่องเทอร์โบตรงรุ่นแน่นอน คิดง่ายๆ กลมๆ 150,000 /  200 =750 บาทต่อม้า (ข้อดีคืออุปกรณ์ภายในเครื่องใหม่ทั้งหมด)

หมายเหตุ : แต่ตัวเลขการทำคุณต้องไปดูว่าได้อุปกรณ์พวกกล่องแต่งอะไรต่างๆมาถูกหรือแพงและอุปกรณ์ที่ใส่เครื่องจะใส่หรือไม่
บางคนอาจจะไม่เปลี่ยนเพราะของเดิมมันดีอยู่แล้ว พวกนี้ก็จะเป็นตัวคุมงบประมาณครับ

กับ 400,000/250 = 1,600 บาทต่อม้า (ข้อดีคือได้เครื่องเทอร์โบ โมต่อได้ง่าย)
แต่สเตปเทอร์โบ อาจจะเป็น 400,000-20,000 / 250 = 1,520 บาทต่อม้า
หมายเหตุ : กรณีขายเครื่องเดิมพันห้าทิ้งไปน่ะครับ ขอบอกว่าเครื่องพันห้านี่ไม่มีใครต้องการเลยจริงๆ....เห่อ

กรณีเครื่องสองพันจะเป็น 400,000-60,000 / 250 = 1,360 บาทต่อม้า
อันนี้ก็คงต้องไปบวกลบคูณหารกันเองครับสำหรับจุดนี้

ข้อดีที่กล่าวๆไปแล้วคือการขับขี่ที่ดีกว่าเครื่องเดิมอย่างเห็นได้ชัด ในแง่ของอัตราการเร่งแซง การออกตัว เพราะสเตปที่ทำเป็นการทำแบบเน้นทอร์คมารอบต่ำ
เน้นการขับขี่ง่าย เป็นหลัก และไม่ได้กินน้ำมันแตกต่างจากของเดิมจนมากเกินไป (พันห้าเดิมๆผมวิ่งในเมืองประมาณ 7-8 โลลิตร ) นอกเมืองได้ดีที่สุด 12 โลลิตร แต่วิ่งแค่ไม่เกิน 80 นะครับ สำหรับอัตราการกินน้ำมันน่าพอใจครับ ตอนนี้วิ่งรถติดๆ ตัววัดก็ยังตกอยู่ที่ 8.8L / 100 โล เมื่อคืนวิ่งชิวๆ ได้ 8.0L / 100 โลครับ
ถ้าวิ่งเอาประหยัดน่าจะอยู่ราวๆ 14 โลลิตร น่าจะได้ ไว้จะลองทำตอนเดินทางไกลครับ

สำหรับรายละเอียดในการทำโปรเจคนี้ผมคิดว่าผมอธิบายได้อย่างละเอียดในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นถ้าท่านใดมีข้อสงสัยประการใดก็ลองสอบถามเพิ่มเติมแลกเปลี่ยนกัน
ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับความรู้ใหม่ๆ ที่พวกเราจะได้เพิ่มขึ้นครับ โดยเฉพาะเหล่าสาวกแมวทั้งหลาย

 สำหรับบทความทั้งหมดนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ใครมาเอาอย่างผมหรือทำอู่ที่ผมทำแต่อย่างใด

เพียงแต่จะบอกว่า โปรเจคที่หลายคนมองว่าไม่น่าจะสามารถทำได้ มันสามารถทำได้จริง ถ้าเรามีความรู้ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีช่างที่ไว้ใจได้ยอมที่จะเหนื่อยกับเรามันก็สามารถเป็นจริงได้ อย่างไม่ยากจนเกินไปครับ และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพึงพอใจครับ วิ่งดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ และดันประหยัดกว่าเดิมอีกตะหาก....

ระยะเวลาการทำโปรเจคนี้ ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 เดือนครับ
(ศึกษาระบบภายในเครื่องยนต์ งานดัดแปลงบางส่วน การประกอบแก้ไข การวาง การจูน เบ็ดเสร็จแล้วก็หนึ่งเดือนพอดี)

สำหรับสุดท้ายผมพอใจกับโปรเจคนี้ ได้หลายอย่างตามที่ต้องการในงบที่กำหนด และคิดในใจว่า "เรามาถูกทางแล้ว"

สุดท้ายผมจำเป็นต้องให้เครดิตกับคนเหล่านี้ครับ เพราะถ้าไม่ได้เขาผมก็คงทำโปรเจคนี้แต่เพียงลำพังไม่ได้

ครอบครัวตู้จินดา คุณปู่คุณย่า ที่เป็นสปอนเซอร์ในการทำโปรเจคนี้
คุณแพน V.Putin ที่เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงทางวิชาการในการทำโปรเจคนี้
คุณหนู จูนเนอร์ที่มาช่วยจูนรถคันนี้จนวิ่งได้ดีในระดับที่มัน และเป็น ซูบารุคันแรกที่เป็น N/A ที่พี่เขาจูน
คุณเก่ง จากเก่งเซอร์วิส ที่เสียสติ(บ้า) ไม่ท้อและให้กำลังใจผม ในการทำโปรเจคนี้แม้ว่าจะต้องยกเครื่องขึ้นๆ ลงๆ หลายรอบก็ตามที


PS. รบกวนแอดมินต์ช่วยลบกระทู้เก่าด้วยนะครับ รวบเป็นอันนี้ดีกว่าครับ ขอบคุณครับ

pandapong:
เขียนดีมากๆเลยครับ... อ่านเพลินเลยย emo65o

signifer:

--- อ้างจาก: pandapong ที่ พฤษภาคม 24, 2011, 05:54:41 pm ---เขียนดีมากๆเลยครับ... อ่านเพลินเลยย emo65o

--- End quote ---

ขอบคุณครับ

แต่........มีข่าวร้าย!!! เหตุคือเติมน้ำมันเต็มถังมาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วมีจูนถนนตอนเย็น จูนไดโนตอนค่ำ วิ่งกลับบ้าน เกจท์วัดน้ำมันมันก็ยังดูโอเคครับ
ตกไม่น่าเกลียด เรียกว่า รีเนียลปกติเลย ขีดแรกได้ร้อยกว่ากิโลเมตร แต่มาวันนี้หลังจากที่เอารถไปลบโค้ดแล้ววิ่งมาซึ่งวันนี้อากาศร้อนมากๆ
และผมขับกลับมารถติดตลอดทาง ตอนเย็นออกไปก็รถติดตลอดทาง เข็มน้ำมันมันตกลงมาไม่รีเนียลเลย ซึ่งผมซีเรียส เพราะในตัวเลขที่โชว์อัตราสิ้นเปลือง
มันยังแปะอยู่ราวๆ 9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ดังนั้นผมก็เลยลองเติมน้ำมันเต็มถังอีกครั้งเพื่อเช็คว่ามันกินเท่าไหร่กันแน่

วิ่งไปราวๆ 170 กิโลเมตร เติมน้ำมันไป 23 ลิตรครับ  เทียบแล้วตก 7.3 กิโลลิตร ซึ่งไม่ตรงกับตัววัดอัตราสิ้นเปลืองที่แสดง
เดี๋ยวจะลองไปหาสาเหตุว่าทำไมตัววัดอัตราสิ้นเปลืองจึงเพี้ยนไปอีกครั้งครับ  และในใจคิดว่าในเมืองน่าจะได้สัก 8-9 โลลิตรน่าจะหล่อกว่า
เพราะเจ็ดกลางๆ ก็พอๆกับเครื่องพันห้าเดิมที่ใช้ กรณีเข้าเมืองรถติดๆคล้ายๆวันนี้

ส่วนเรื่องที่กินน้ำมันเพิ่มผมเดาว่าอาจจะเพราะอากาศที่ร้อนมากๆด้วยทำให้มันสั่งจ่ายน้ำมันค่อนข้างหนา ตรงนี้ต้องกลับไปถามจูนเนอร์อีกครั้ง
ไว้จะมาอัพเดตในกระทู้เป็นระยะ ตามอาการที่ยังต้องแก้ไขให้สมบูรณ์ที่สุด

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version