Gallery > Picture Gallery

SIAM SUBARU พาทัวร์ยุโรป ภาคจบ

(1/5) > >>

Kawin:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่มาติดตามชมนะครับ มาทัวร์ต่อกันดีกว่า
วันที่สี่
แน่นอนต้องตื่นนอนตามรหัสนรก 6 – 7 – 8 เหมือนเดิม แต่ลงมาถึงห้องอาหาร 7 โมงนิดๆ อาหารเกือบหมดแล้ว เจอทัวร์จีนกวาดเรียบ คาดว่าเค้าใช้รหัสนรกกว่า 5.5 - 6.5 - 7.5  แต่ตอนหลังเค้าก็มีอาหารมาเติมอีกครับ



อันนี้ถ่ายมาให้ดูขำๆครับ โรงแรมเค้ามีชั้น – 1 ด้วย



วันนี้เราจะนั่งรถจาก Venice ข้ามพรมแดนไปยังเมือง Luzern หรือ Lucerne ประเทศ Switzerland ครับ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงมั้งครับ
ทัศนียภาพสองข้างทางสวยมากๆ ครับ วิวสวยจริงๆ  แวะทานอาหารกลางวันที่เมืองเล็กๆระหว่างทาง บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยมากครับ





แล้วก็มาถึง Luzern ต้องไปเยี่ยมชมสิงโตหินซะหน่อย ไม่เจอกันมา 15 ปีแล้ว



อนุสาวรีย์สิงโตหินแกะสลักริมหน้าผานี้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ เสียสละ และซื่อสัตย์ของทหารสวิสที่เสียชีวิตจากการปกป้องพระราชวัง Tuileries ในฝรั่งเศส ระหว่างสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส



จากนั้นก็ต้องมาเดินข้ามสะพานไม้ Chapel Bridge หรือ Kapellbrucke สะพานไม้เก่าแก่อายุกว่า 600 ปี



จาก Luzern นั่งรถประมาณ 30 นาที สู่เมือง Engelberg เมืองเล็กๆ อยู่ในเทือกเขา Alps พักที่โรงแรม Waldegg เตรียมตัวขึ้นยอดเขา Titlis ในวันพรุ่งนี้ครับ จบรายการทัวร์วันที่สี่ครับ

Kawin:
วันที่ห้า
ตื่นเช้าเหมือนเดิม เอาวิวจากห้องพักมาให้ชมครับ สวยมาก







แล้วก็ทานอาหารเช้า (ออกแนวโรคจิตครับ แต่ผมถ่ายรูปแต่อาหารเช้าจริงๆ เป็นมื้อโปรดผม)



ออกจากที่พักแป๊ปเดียวถึงสถานีกระเช้าเพื่อขึ้นไปยอดเขา Titlis แล้วครับ แต่ไม่ค่อยมีรูปมาโชว์ เพราะมีแต่รูปภรรยาทั้งนั้นเลย

รูปกระเช้าสัญชาติไทย



ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าคนไทยมาที่นี่เยอะแค่ไหน



วิวทั่วไป สวยมากๆ





ที่ชั้นบนสุดของอาคารบนยอดเขา จะมีร้านขายนาฬิกาอีก สมกับเป็นประเทศผู้ผลิตนาฬิกาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็เดินเข้าไปดูเล่นๆ ไปเจอสองเรือนในฝันนี้ที่ระดับความสูงกว่า 10,000 ฟุต แอบตื่นเต้น





ว่าแล้วก็ลงมาทานข้าวที่ชั้นล่าง กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงของผม



ดอกไม้แถวลานจอดรถครับ




ลงจากเขาก็ขึ้นรถครับ เดินทางสู่ประเทศฝรั่งเศสกันเลย

จุดตรวจผ่านแดน คนที่ซื้อนาฬิกาหรือของอื่นๆ ต้องลงไปให้ศุลกากรตรวจสินค้า และส่งคืนแบบฟอร์มที่นี่ครับ แต่ผมลงไปเข้าห้องน้ำ



เป้าหมายอยู่ที่เมือง Versailles อันเป็นที่ตั้งของพระราชวังแวร์ซายนั่นเอง แต่ระยะทางมันไกลมากครับ บวกกับกฎหมายของ EU ที่ว่าคนขับรถไม่สามารถขับรถได้เกินวันละ 12 ชั่วโมง คณะเราจึงต้องแวะทานอาหารเย็นและพักค้างคืนที่เมือง Dijon ในแคว้น Burgundy ใช้เวลานั่งรถประมาณ 6 ชั่วโมงอีกแล้ว พักที่โรงแรม Holiday Inn ครับ

ออเดิร์ฟอาหารเย็น น้องหัวหน้าทัวร์เรียกเมนูนี้แบบขำๆ ว่า Six Snails of Burgundy อร่อยมาก



จบรายการทัวร์วันที่ห้าครับ

Kawin:
วันที่หก
ตื่น 6 โมงเช้าเหมือนเดิม แล้วก็ทานอาหารเช้าที่โรงแรมครับ



ล้อหมุน 8 โมงเช้า นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมง ถึงหน้าพระราชวังแวร์ซายเที่ยงพอดี ลงจากรถแล้วเดินไปทานอาหารเที่ยงก่อน แล้วค่อยกลับมาเข้าวังครับ













สวนของพระราชวังแวร์ซายใหญ่มากๆ ครับ เป็นอีกที่ที่ผมกับภรรยาถ่ายรูปกันเมามันมาก แต่มีเวลาจำกัดแค่ชั่วโมงเดียวเองครับ เดินเข้าไปได้ไม่สุดทางเลย แค่กลางๆทางก็ต้องกลับแล้ว เพราะต้องเผื่อเวลาเดินกลับไปเจอคณะทัวร์ที่หน้าวังครับ

จากนั้นก็นั่งรถต่อเข้ากรุง Paris แล้วครับ ไปล่องเรือชมเมืองกัน













จากนั้นก็เข้าโรงแรมครับ วันนี้พักที่ Novotel รับประทานอาหารเย็นในโรงแรม
จบรายการทัวร์วันที่หกครับ

Kawin:
วันที่เจ็ด
รหัสนรก 6 - 7 – 8 เหมือนเดิมครับ



โปรแกรมช่วงเช้าวันนี้คือ ขึ้นหอไอเฟลชมเมือง Paris ครับ บนหอคนแน่นมากครับ ถ่ายได้แค่ 2 ด้าน ก็ลงดีกว่า





 





จากนั้นไปรับประทานอาหารเที่ยง วันนี้เป็นอาหารไทยครับ

แล้วก็ถึงเวลา Shopping ทัวร์ก็จะพาไปลงที่ Benlux Duty Free กับห้าง Galeries Lafayette

ไปตอนบ่ายๆ คนเยอะมากๆ ร้าน LV กับ Longchamp ต่อแถวอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึงจะเข้าไปในร้านได้

ผลิตผลของคณะทัวร์ที่ผมไปครับ



จากห้าง Galeries Lafayette คณะทัวร์ก็มุ่งหน้าสู่สนามบิน Charles de Gaulle เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยต้องแวะ transfer ที่ Doha ตอนเช้าอีกแล้ว



วันที่แปด
ผมและภรรยาก็เดินทางกลับถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพตอนค่ำๆ ครับ
ขอจบการพาทัวร์(ชะโงก)ที่ยุโรป แต่เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

thor111:
นาฬิกาเรือนที่ 2 น่าโดนมากๆ ครับ emo26o

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป